Customer Reviews

ชุดนวนิยายกำลังภายในจีน เรื่อง “กระบี่ไร้เทียมทาน” ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ด้วยกันสามเล่ม โดยสำหรับบางคนอาจจะเคยได้ดูซีรี่ย์หนังจีนของเรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน ผ่านทางโทรทัศน์มาก่อน ซึ่งนับได้ว่าตอนนั้นโด่งดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียว ทำเอาชื่อของ อึงเอ็งดังกระฉ่อนไปทั่ว ซึ่งนับว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่เยี่ยมยอดที่สุดของเหยี่ยวอำพันผู้ล่วงลับไปแล้วคนนี้ โดยผมเองมีโอกาสได้ดูผ่านๆตามาบ้าง ทางเว็ปไซต์YouTube ก็ได้เห็นภาพการต่อสู้แบบดุเดือดเลือดนี่ ทำเอาผมตาเป็นประกายแวววับมาก ที่สำคัฐคือเพลงประกอบเรื่องนี้แทบจะติดหูมาก เรียกได้ว่าใครเป็นแฟนซีรี่ย์หนังจีนจริงๆ ต้องเคยฟังมาไม่มากก็น้อย ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองไปเปิดโฆษณาเซียงเพียวอิ๊วฟังดูนะครับ ถ้างั้นเรามาพูดถึงนิยายสามเล่มจบนี้กันนะครับ โดยหนังสือชุดนี้เป็นการเรียบเรียงแก้ไขให้ถูกต้องจากบทในซีรี่ย์โทรทัศน์ให้เป็นตัวอักษรลงในหนังสือ โดยที่ยังคงเนื้อเรื่องไว้แบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในตอนแรกที่ผมได้ลองอ่านดู ขอบอกได้เลยว่าฉากการบู๊ของกระบี่ไร้เทียมทานนั้นถือว่าเผ็ดร้อนมาก ดุเดือดเลือดพล่านเอามากๆ บวกกับสำนวนของยอดผู้แปลอย่าง น.นพรัตน์ไปแล้วด้วย ยิ่งเพิ่มความฮึกเหิมร้อนระอุตามตัวละครไปด้วย ซึ่งในเรื่องเราจะมีพระเอกหลักเลยคือฮุ้นปวยเอี้ยง ผู้ซึ่งต้องฝ่าฝันอุปสรรคสารพัด แต่สุดท้ายก็สามารถสำเร็จยอดวิชาไหมฟ้า จนกลายเป็นยอดยุทธได้ โดยในเรื่องยังแฝงคติแง่คิดผ่านทางตัวละครที่แตกตางกันไป พออ่านจบผมก็ซาบซึ้งตรึงใจกับมันไปอีกครั้ง เรียกได้ว่าน่าประทับใจไม่แพ้ทั้งแบบซีรี่ย์โทรทัศน์และนิยายเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าบางที ผมจะรู้สึกเหมือนมันจะตัดฉากเร็วไปบ้าง หรือละครบทน้อยไปนิดก็ตาม แต่ว่าเรื่องความสนุกแล้ว ในเรื่องของปกเล่มนั้น สำหรับผมยังรู้สึกไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับปกนวนิยายกำลังภายในจีนเรื่องอื่นๆ แต่ว่าในเรื่องกระดาษ อักษรคำแปล และราคาถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ สำหรับเรื่อง “กระบี่ไร้เทียมทาน”ผมรับประกันได้เลยว่าถูกใจขาบู๊ในบู๊ลิ้มแน่นอนครับ

ชุดนวนิยายกำลังภายในจีน เรื่อง “กระบี่ไร้เทียมทาน” ซึ่งทั้งหมดมีอยู่ด้วยกันสามเล่ม โดยสำหรับบางคนอาจจะเคยได้ดูซีรี่ย์หนังจีนของเรื่อง กระบี่ไร้เทียมทาน ผ่านทางโทรทัศน์มาก่อน ซึ่งนับได้ว่าตอนนั้นโด่งดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียว ทำเอาชื่อของ อึงเอ็งดังกระฉ่อนไปทั่ว ซึ่งนับว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่เยี่ยมยอดที่สุดของเหยี่ยวอำพันผู้ล่วงลับไปแล้วคนนี้ โดยผมเองมีโอกาสได้ดูผ่านๆตามาบ้าง ทางเว็ปไซต์YouTube ก็ได้เห็นภาพการต่อสู้แบบดุเดือดเลือดนี่ ทำเอาผมตาเป็นประกายแวววับมาก ที่สำคัฐคือเพลงประกอบเรื่องนี้แทบจะติดหูมาก เรียกได้ว่าใครเป็นแฟนซีรี่ย์หนังจีนจริงๆ ต้องเคยฟังมาไม่มากก็น้อย ถ้าใครนึกไม่ออกก็ลองไปเปิดโฆษณาเซียงเพียวอิ๊วฟังดูนะครับ ถ้างั้นเรามาพูดถึงนิยายสามเล่มจบนี้กันนะครับ โดยหนังสือชุดนี้เป็นการเรียบเรียงแก้ไขให้ถูกต้องจากบทในซีรี่ย์โทรทัศน์ให้เป็นตัวอักษรลงในหนังสือ โดยที่ยังคงเนื้อเรื่องไว้แบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในตอนแรกที่ผมได้ลองอ่านดู ขอบอกได้เลยว่าฉากการบู๊ของกระบี่ไร้เทียมทานนั้นถือว่าเผ็ดร้อนมาก ดุเดือดเลือดพล่านเอามากๆ บวกกับสำนวนของยอดผู้แปลอย่าง น.นพรัตน์ไปแล้วด้วย ยิ่งเพิ่มความฮึกเหิมร้อนระอุตามตัวละครไปด้วย ซึ่งในเรื่องเราจะมีพระเอกหลักเลยคือฮุ้นปวยเอี้ยง ผู้ซึ่งต้องฝ่าฝันอุปสรรคสารพัด แต่สุดท้ายก็สามารถสำเร็จยอดวิชาไหมฟ้า จนกลายเป็นยอดยุทธได้ โดยในเรื่องยังแฝงคติแง่คิดผ่านทางตัวละครที่แตกตางกันไป พออ่านจบผมก็ซาบซึ้งตรึงใจกับมันไปอีกครั้ง เรียกได้ว่าน่าประทับใจไม่แพ้ทั้งแบบซีรี่ย์โทรทัศน์และนิยายเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าบางที ผมจะรู้สึกเหมือนมันจะตัดฉากเร็วไปบ้าง หรือละครบทน้อยไปนิดก็ตาม แต่ว่าเรื่องความสนุกแล้ว ในเรื่องของปกเล่มนั้น สำหรับผมยังรู้สึกไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก เมื่อเทียบกับปกนวนิยายกำลังภายในจีนเรื่องอื่นๆ แต่ว่าในเรื่องกระดาษ อักษรคำแปล และราคาถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีครับ สำหรับเรื่อง “กระบี่ไร้เทียมทาน”ผมรับประกันได้เลยว่าถูกใจขาบู๊ในบู๊ลิ้มแน่นอนครับ

หากเอ่ยถึงนวนิยายกำลังภายในแล้วล่ะก็ ชื่อของคนเขียนลำดับต้นๆที่ผู้อ่านรู้จักมักจะหนีไม่พ้น “กิมย้ง” เป็นแน่ครับ เพราะแทบทุกเรื่องที่ท่านเขียนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจไปกับการผจญภัยของตัวเอง วรยุทธ์อันเหนือล้ำ ตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นต่างกันไป ธิดาบู๊ลิ้มมากมายที่มาประชันบทบาท ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ ท่านสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แม้ดาบมังกรหยกนั้นจะเป็นภาคสามในซีรี่ย์มังกรหยกแล้วก็ตาม หนำซ้ำไทมไลน์หรือช่วงเวลาของเนื้อเรื่องยังห่างจากภาคแรกและภาคสองพอสมควร เพราะท้องเรื่องกลับกลายเป็นราชวงศ์หยวนแทนที่ราชวงศ์ซ่งนั่นเอง แต่เสน่ห์และความสนุกที่ทำเอาผมวางไม่ลงจนกว่าจะอ่านจบนั้น ยังคงมีเช่นเดิมไม่หายไปไหน โดยในภาคนี้เราจะมีพระเอกเป็นตัวชูโรงอย่าง เตี้ยบ่อกี้ ที่เก่งกล้าสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ประกอบกับคุณธรรมอันมากมาย แต่ชีวิตของเขาเองก็พลิกพันไปมาไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเนื้อเรื่องเขาต้องฝ่าฝันอุปสรรคตั้งแต่เด็ก พบเจอคนมากมายหลายเน ผ่านห้วงความตายมามากมาย แต่บทเด่นสำหรับผมคงหนีไม่พ้นว่าพระเอกเราจะเลือกสาวคนไหนนี่แหละครับ(ฮา) เพราะแต่ละคนนี่ล้วนผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง หนำซ้ำยังสวยและน่ารักไม่แพ้กันเลยทีเดียว อ้อ ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ สิ่งสำคัญที่กลายเป็นตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ ยอดศาสตราสุดเทพอย่าง กระบี่อิงฟ้า และดาบฆ่ามังกรนั่นเอง ในส่วนยุทธจักรนั้นก็มีการผันแปรไปมากมาย เรียกได้ว่าถ้าท่านใดอยากจะอ่านภาคนี้ก่อนจะไปอ่านภาคจอมยุทธ์ล่าอินทรี และเอี้ยก้วยเจ้าอินทรีล่ะก็ ก็ไม่ติดขัดหรือมึนงงแต่อย่างใด ซึ่งผมเองก็รู้จักภาคดาบมังกรหยกมาก่อนภาคอื่นๆเหมือนกันครับ(ฮา) และนั่นกลายเป็นเหตุผลให้ผผมติดนวนิยายกำลังภายในจีนงอมแงมเลยทีเดียว โดยเล่มนี้เป็นฉบับปรับปรุงใหม่จากเมเก่า โดยแก้ไขคำผิดถูกและสำนวณบางส่วนให้ดีขึ้น แน่นอนว่าผู้แปลเรื่องนี้คือ “น.นพรัตน์” ผู้ซึ่งคว่ำวอดในวงการนิยายจีนเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสำนวนหนังจีนของท่านอยู่คู่กับวงการนิยายกำลังภายในของไทยเรามาช้านานแล้ว รับรองว่าคุณจะได้เจอกับภาษาที่สละสลวย เมื่ออ่านแล้วจะเพลิดเพลินเป็นกับมันโดยไม่รู้ตัวเลย โดยผมเนี่ยอ่านจนลืมเวลานอนบ่อยมกาเลยครับ ด้วยภาพทิวทัศน์และงานศิลป์ของแดนมังกร ช่วยเพิ่มความขลังเมื่อได้จับหนังสือเล่มนี้มาอ่านขึ้นไปอีก ซึ่งผมรับรองได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้ ภาคนี้ หรือซีรี่ย์มังกรหยกนี้ คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แน่นอนครับ

หากเอ่ยถึงนวนิยายกำลังภายในแล้วล่ะก็ ชื่อของคนเขียนลำดับต้นๆที่ผู้อ่านรู้จักมักจะหนีไม่พ้น “กิมย้ง” เป็นแน่ครับ เพราะแทบทุกเรื่องที่ท่านเขียนล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจไปกับการผจญภัยของตัวเอง วรยุทธ์อันเหนือล้ำ ตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นต่างกันไป ธิดาบู๊ลิ้มมากมายที่มาประชันบทบาท ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือ ท่านสามารถรักษามาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แม้ดาบมังกรหยกนั้นจะเป็นภาคสามในซีรี่ย์มังกรหยกแล้วก็ตาม หนำซ้ำไทมไลน์หรือช่วงเวลาของเนื้อเรื่องยังห่างจากภาคแรกและภาคสองพอสมควร เพราะท้องเรื่องกลับกลายเป็นราชวงศ์หยวนแทนที่ราชวงศ์ซ่งนั่นเอง แต่เสน่ห์และความสนุกที่ทำเอาผมวางไม่ลงจนกว่าจะอ่านจบนั้น ยังคงมีเช่นเดิมไม่หายไปไหน โดยในภาคนี้เราจะมีพระเอกเป็นตัวชูโรงอย่าง เตี้ยบ่อกี้ ที่เก่งกล้าสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ ประกอบกับคุณธรรมอันมากมาย แต่ชีวิตของเขาเองก็พลิกพันไปมาไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเนื้อเรื่องเขาต้องฝ่าฝันอุปสรรคตั้งแต่เด็ก พบเจอคนมากมายหลายเน ผ่านห้วงความตายมามากมาย แต่บทเด่นสำหรับผมคงหนีไม่พ้นว่าพระเอกเราจะเลือกสาวคนไหนนี่แหละครับ(ฮา) เพราะแต่ละคนนี่ล้วนผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง หนำซ้ำยังสวยและน่ารักไม่แพ้กันเลยทีเดียว อ้อ ที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ สิ่งสำคัญที่กลายเป็นตัวแปรที่ใหญ่ที่สุดในเรื่องนี้ก็คือ ยอดศาสตราสุดเทพอย่าง กระบี่อิงฟ้า และดาบฆ่ามังกรนั่นเอง ในส่วนยุทธจักรนั้นก็มีการผันแปรไปมากมาย เรียกได้ว่าถ้าท่านใดอยากจะอ่านภาคนี้ก่อนจะไปอ่านภาคจอมยุทธ์ล่าอินทรี และเอี้ยก้วยเจ้าอินทรีล่ะก็ ก็ไม่ติดขัดหรือมึนงงแต่อย่างใด ซึ่งผมเองก็รู้จักภาคดาบมังกรหยกมาก่อนภาคอื่นๆเหมือนกันครับ(ฮา) และนั่นกลายเป็นเหตุผลให้ผผมติดนวนิยายกำลังภายในจีนงอมแงมเลยทีเดียว โดยเล่มนี้เป็นฉบับปรับปรุงใหม่จากเมเก่า โดยแก้ไขคำผิดถูกและสำนวณบางส่วนให้ดีขึ้น แน่นอนว่าผู้แปลเรื่องนี้คือ “น.นพรัตน์” ผู้ซึ่งคว่ำวอดในวงการนิยายจีนเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าสำนวนหนังจีนของท่านอยู่คู่กับวงการนิยายกำลังภายในของไทยเรามาช้านานแล้ว รับรองว่าคุณจะได้เจอกับภาษาที่สละสลวย เมื่ออ่านแล้วจะเพลิดเพลินเป็นกับมันโดยไม่รู้ตัวเลย โดยผมเนี่ยอ่านจนลืมเวลานอนบ่อยมกาเลยครับ ด้วยภาพทิวทัศน์และงานศิลป์ของแดนมังกร ช่วยเพิ่มความขลังเมื่อได้จับหนังสือเล่มนี้มาอ่านขึ้นไปอีก ซึ่งผมรับรองได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้ ภาคนี้ หรือซีรี่ย์มังกรหยกนี้ คุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์แน่นอนครับ